ปืนใหญ่โบราณในภูเก็ต
ปืนใหญ่โบราณในภูเก็ต
การสงครามในสมัยโบราณ นอกจากการใช้อาวุธดาบหอกทวนฯลฯ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ปืนชนิดต่างๆที่จำเป็นต้องให้นายทหารและทหารใช้เพื่อป้องกันเมือง
ดังจะเห็นได้จากหลายเมือง ที่มีหนังสือไปถึงพระยาราชกปิตัน หรือฟรานซิส ไลต์ ที่เกาะปีนังในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ เช่นพระตะกั่วทุ่งบางคลี ได้มีจดหมายขอซื้อปืนคาบศิลาจำนวน ๑๐๐ กระบอก ปืนใหญ่ขนาด ๔ นิ้ว ๕ นิ้ว ๑๕ กระบอก ที่จำเป็นต้องซื้อด้วยเมื่อพ.ศ. ๒๓๒๘ พม่าตีเมืองตะกั่วทุ่งบางคลีได้รับความเสียหาย ถูกพม่าตีเอาเมืองได้และต้องเสียปืนใหญ่ไปหลายกระบอก จดหมายไปถึงเมื่อพ.ศ. ๒๓๓๓ ส่วนเมืองถลางได้สั่งซื้อปืนสุตัน ๑๐๐ กระบอกในปีพ.ศ. ๒๓๓๒ และในพ.ศ. ๒๓๓๔ เมืองถลางต้องสั่งซื้อปืนคาบศิลา ๒๐๐ กระบอก ปืนใหญ่กระสุน ๔ นิ้ว จำนวน ๒๐ กระบอก ปืนใหญ่ ๕ นิ้ว จำนวน ๓๐ กระบอก นอกจากนี้ ทางเมืองถลางยังต้องสั่งซื้อปืนตามหมายรับสั่งจากเมืองหลวงอีกด้วย เช่น ปืนสุตัน ๓๐๐ กระบอก ปืนปลอกเหล็กกลาง ๒๐๐ กระบอก และปืนที่ส่งตัวอย่างไปให้อีก ๑๐๐ กระบอก รวม ๖๐๐ กระบอก ส่วนเจ้าเมืองพัทลุง สั่งซื้อปืนคาบศิลา ๒๐๐ กระบอก
นอกจากนี้จากตำนานประวัติตระกูลเมืองถลางได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า พระยาไทรบุรีได้ส่งปืนใหญ่ ๒ กระบอก ปืนแก๊ป ๒๐๐ กระบอก ปืนคาบศิลา ๒๐๐ กระบอก และของอื่นๆมาให้หลานชายคือ นายทองคำผู้เป็นบิดาของคุณหญิงจัน ปืนใหญ่สองกระบอกนั้นได้ทันใช้ในปีพ.ศ. ๒๓๒๘ และได้ชื่อว่า พระพิรุณสังหารกระบอกหนึ่ง อีกกระบอกได้ชื่อว่า แม่นางกลางเมือง
หรืออย่างในพ.ศ. ๒๓๒๐ สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช ทางเมืองหลวงสั่งซื้อปืนจำนวน ๑๘๒๖ กระบอก
จะเห็นว่าเมืองต่างๆต้องจัดหาปืนชนิดต่างๆ มาฝึกทหารเพื่อป้องกันเมืองของตน ดังนั้นทุกเมืองจึงมีปืนใหญ่ปืนน้อยมากน้อย ตามกำลังทรัพย์และความสามารถของเจ้าเมือง ทั้งนี้รวมทั้งการนำไปฝึกซ้อมการยิงของทหารด้วย แต่เวลาพม่ายกทัพมาแต่ละครั้งจำนวนทหารหลายพันนาย ซึ่งในแต่ละเมืองเป็นเมืองเล็ก จำนวนทหารรักษาเมืองมีจำนวนน้อย จึงไม่สามารถสู้รบกับทหารได้ จึงทิ้งเมืองหนีเข้าป่า พร้อมทั้งทิ้งปืนใหญ่ปืนน้อยและอาหารไว้ให้พม่าอีกด้วย
การสงครามพ.ศ. ๒๓๒๘ เสร็จสิ้นลง นายทองพูน น้องชายคุณหญิงจัน ได้เป็นพระยาถลาง ในนามว่า พระยาเพชรคีรีศรีพิชัยสงครามรามคำแหง เมื่อพิจารณาถึงภูมิประเทศแล้ว พระยาถลางทองพูนจึงได้ย้ายเมืองถลางขึ้นไปทางทิศเหนือของเมืองถลาง เรียกว่า เมืองใหม่ พร้อมสร้างบ้านเจ้าเมืองล้อมรอบด้วยกำแพงที่ทำด้วยไม้ สร้างศาลหลักเมือง พร้อมทั้งขนปืนใหญ่ไปไว้ที่เมืองใหม่ด้วยในฐานะเจ้าเมือง ดังพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ในคราวเสด็จไปตรวจราชการแหลมมลายู ร.ศ. ๑๒๑ (พ.ศ. ๒๔๔๖) ความตอหนึ่งว่า
...ข้ามคลองบางขนุน ๔.๐๕ ถึงบ้านเมืองใหม่ บ้านพระยาถลางทองตั้งที่นี่ มีปืนม้าเหลี่ยมเหล็ก ๓ ฤา ๔ กระบอก...
พระยาถลางทองพูนสร้างเมืองได้เพียง ๒-๓ ปี ต้องโทษ จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อไปแก้ต่างข้อถูกกล่าวหาประมาณพ.ศ.๒๓๓๒ ดังนั้นบ้านเจ้าเมืองที่เมืองใหม่คงมีบุตรหลานอาศัย ส่วนเจ้าเมืองถลางคนถัดมาคือพระยาถลางเทียน คงอยู่ที่เมืองถลางบ้านเคียน เมื่อเป็นเช่นนี้ ปืนใหญ่ดังกล่าวคงถูกทิ้งไว้ที่เมืองใหม่จำนวนน่าจะ ๕ กระบอก และรอดพ้นจากมือพม่าในปีพ.ศ. ๒๓๕๒ ปืนทั้ง ๕ กระบอกคงลำเลียงมาไว้ที่วัดพระทอง จนปรากฏอยู่ทุกวันนี้
ส่วนปืนใหญ่ที่พระยาถลางเทียนสร้างไว้นั้น เมื่อประมาณพ.ศ. ๒๓๓๕ ทางเมืองหลวงมีรับสั่งให้พระยาถลางเทียนยกทัพไปตีเมืองมะริด พระยาถลางเทียนจึงต้องเครียมปืนใหญ่ปืนหน้าเรือปืนชนิดต่างๆที่ทหารจำเป็นต้องใช้ แต่เวลาเตรียมทัพมีน้อย เพราะต้องใช้เรือจำนวนมาก ขนทหาร เสบียงกรัง อาวุธดินปืน ฯลฯ พระยาถลางเทียนเดินทัพไปทางเรือประมาณปลายปีพ.ศ. ๒๓๓๕ จนถึงพ.ศ. ๒๓๓๖ ไม่ได้ข่าวคราวหายสาบสูญไป ทางเมืองหลวงจึงตั้งพระยาถลางบุญคง ชาวกรุงเทพฯมาครองเมืองถลางแทน
จนถึงพ.ศ. ๒๓๕๒ พม่ายกทัพใหญ่มาตีเมืองถลาง เมืองตามรายทางตั้งแต่ปากจั่น ตะกั่วป่า นาเตย ตะกั่วทุ่ง เสียหายสิ้น เมืองถลางต้องสูญเสียคนและทรัพย์สินจำนวนมาก เช่น พระยาถลางบุญคงถูกจับส่งไปพม่า ปืนขนาด ๓ นิ้ว ๔ นิ้ว ๘๔ กระบอก ปืนหลัก ๒๐ กระบอก ปืนคาบศิลา ๕๐ กระบอก ดีบุกที่ถลุงแล้ว ๓๐๐๐ ปึก ชาวถลาง ๓๐๐ คนเศษ ขนใส่เรือไปเมืองพม่า
ถ้าหากถลางไม่เสียเมืองในปีพ.ศ. ๒๓๕๒ ปืนใหญ่ น่าจะมีไม่ต่ำกว่าร้อยกระบอก ตามข้อมูลที่พม่าขนจากเมืองถลางไป
ปัจจุบัน ปืนใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต เท่าที่เห็น มีดังนี้
วัดพระทอง ปืนใหญ่ขนาด ๔ นิ้วจำนวน ๕ กระบอก ความยาวประมาณ ๘๔ นิ้ว คู่หนึ่ง ลักษณะเหมือนกันทั้งคู่ ซึ่งน่าจะเป็น พระพิรุณสังหารกับแม่นางกลางเมือง ส่วนอีกสามกระบอกความยาวประมาณ ๗๘ นิ้ว ขนาด ๔ นิ้ว เช่นเดียวกัน แต่กระบอกกลางจะสั้นกว่าหน่อยหนึ่ง ปืนใหญ่ทั้ง ๕ กระบอก ปัจจุบันตั้งอยู่ที่วัดพระทอง อำเภอถลาง ภูเก็ต
ศาลจังหวัดภูเก็ต อาคารเก่า ปัจจุบันเป็นที่ทำงานของศาลแรงงานภาค ๘ มีปืนใหญ่ ๑ กระบอก ขนาดกระสุน ๔ นิ้ว มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตั้งอยู่ข้างพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ หน้าอาคารศาลจังหวัดภูเก็ตหลังเก่าหรือที่ทำการศาลแรงงานภาค ๘ อำเภอเมืองภูเก็ต
สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต มีปืนใหญ่ ๒ กระบอกขนาดกระสุน ๔ นิ้ว มีลวดลายพร้อมล้อลากอย่างครบเครื่อง และรักษาไว้อย่างดี ดูสวยงาม
อนุสรณ์สถานพลเรือเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บริเวณสะพานหิน อำเภอเมืองภูเก็ต มีปืนใหญ่โบราณ ๑ กระบอก พร้อมที่วางตั้งล้อเข็น ขนาดกระสุน ๔ นิ้ว มีตรามงกุฎแบบฝรั่งพร้อมทั้งตัวอักษร
สรุปแล้วปืนใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต ที่มีเห็นอยู่ในปัจจุบัน จำนวน ๙ กระบอก ซึ่งเป็นสมบัติมรดกของชาติ ปืนใหญ่เหล่านี้คงได้ช่วยป้องกันข้าศึกศัตรูและผ่านการสู้รบมาแล้ว จนได้รับชัยชนะ หากแพ้คงถูกขนไปที่อื่นหมดแล้ว ปืนใหญ่โบราณเหล่านี้ เป็นเครื่องเตือนสติให้ชนรุ่นหลังได้ระลึกว่า ชาวเมืองถลางภูเก็ต ได้ทำการต่อสู้เพื่อรักษาบ้านเมืองไว้จนสุดความสามารถ ดังจะเห็นได้จากปืนใหญ่ที่เคยได้ใช้ในสนามรบมาอย่างโชกโชน
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖
*****
ปืนใหญ่โบราณที่วัดพระทอง
ตั้งอยู่ที่เก่า ก่อนพ.ศ. ๒๕๕๒
****
*******
ปืนใหญ่วัดพระทอง
ตั้งที่ใหม่ตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๕๒
******
*******
ปืนใหญ่โบราณที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต
****
*****
ปืนใหญ่โบราณที่ศาลจังหวัดภูเก็ต
****
*****
ปืนใหญ่โบราณที่อนุสรณ์สถาน
สมเด็จฯกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
สะพานหิน อำเภอเมืองภูเก็ต
******
*****
ปืนใหญ่โบราณที่มีชื่อเสียง
คือ
นางพญาตานี
***
ปืนใหญ่กระบอกนี้หล่อโดย หลิมโต๊ะเคี่ยม (หลินเต้าเฉียน) พระสวามีของ
รายาบีรุ นางกษัตริย์แห่งนครปัตตานี
******
สถาบันที่เก็บรวบรวมปืนใหญ่โบราณไว้เป็นจำนวนมาก
คือ
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี
*****
ภาพตัวอย่างส่วนหนึ่งภายในมหาวิทยาลัย
******
ปืนใหญ่ปืนน้อยห้าร้อยเศษ ...
|