พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมีประกาศ
พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมีประกาศ
ด้วยเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๔๑ พระคุณเจ้า พระปิยะทัสสี มหาสวามินมหันเส หรือ พระคุณเจ้ามหาเถโร หรือพระคุณเจ้า พระปิยะทัสสี นายะกะ มหาเถโร เจ้าอาวาสวัดสัมโพธิวิหาร พระผู้เป็นใหญ่ในประเทศศรีลังกา พร้อมด้วยพระคุณเจ้า พระธารณะกามา กุศลาธัมมา เถโร ได้มีหนังสือกราบทูลเชิญ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ให้เสด็จไปยังประเทศศรีลังกา โดยทางวัดสัมโพธิวิหารจะถวายพระบรมสารีริกธาตุให้ประเทศไทย ซึ่งพระบรมมหาสารีริกธาตุดังกล่าว ทางวัดได้มาจากวัดเจตะวนาราม แห่งเมืองอนุราทธะปุระ เมืองหลวงเก่าของศรีลังกา
เมืองอนุราทธะปุระ ตั้งอยู่ที่เมือง สินหาละ หรือสิงหล ในแคว้นทมิฬ ซึ่งเป็นเมืองหลักของศรีลังกา ตั้งอยู่ตอนกลางภาคเหนือของศรีลังกา เมืองอนุราทธะปุระเป็นหนึ่งในเมืองหลวงเก่าของศรีลังกา ซึ่งมีอยู่สามเมือง เป็นเมืองที่สามของราชอาณาจักรราชารัตน์ ภายหลังจากอาณาจักรทัมปาพรรณนีและอุปัตติสสะ นุวารา ปัจจุบันยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยรอบพระสถูปมีวัดต่างๆจำนวนมากครอบคลุมพื้นที่กว่า ๔๐ ตารางกิโลเมตร
เจตะวนารามมายา เป็นพระสถูป ตั้งอยู่ที่วัดเจตะวนา ในเมืองโบราณชื่อ อนุราทธะปุระ ประเทศศรีลังกา โดยพระเจ้ามหาเสนา ซึ่งครองราชย์ระหว่างพ.ศ. ๘๑๖ ๘๔๔ ได้ทรงสร้างพระสถูปขึ้น ซึ่งเข้าใจกันว่าเป็นที่ประดิษฐานรัดประคตส่วนหนึ่งของพระพุทธเจ้า
นอกจากพระสถูปเจตะวนารามมายาแล้ว ยังมีโบราณสถานอื่นๆที่สำคัญอีก ๑๙ แห่ง
ครั้นเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ จึงทรงมีพระบัญชาให้ พลเอก มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไปรับพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดสัมโพธิวิหาร ประเทศศรีลังกา และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุกลับมาถึงประเทศไทย จำนวน ๔ องค์
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ สมเด็จพระสังฆราชได้ประทาน พระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากศรีลังกา มอบให้จังหวัดภูเก็ตจำนวน ๑ องค์ เพื่อประดิษฐาน ณ วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นสิริมงคลแก่พุทธบริษัทในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน
ทางวัดฉลอง จึงได้จัดการสร้างพระสถูปเจดีย์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวขึ้น เป็นรูปแบบอาคารสองชั้นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ชั้นล่างเป็นห้องโถง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ ชั้นสองประดิษฐานหลวงพ่อเจ้าวัดที่สร้างใหม่ พร้อมพระพุทธรูปปางต่างๆ และจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติทั้งสองชั้น ชั้นดาดฟ้าชั้นสองสร้างเป็นบัลลังก์จัตุรมุขประดิษฐานพระมหาธาตุ เหนือขึ้นเป็นเป็นยอดทรงสี่เหลี่ยมแบบพระธาตุพนมมีซุ้มคูหา มีลวดลายเถา และสร้างเป็นบัลลังก์ทรงสี่เหลี่ยมลวดลายบัวคว่ำบัวหงาย เหนือขึ้นไปเป็นยอดแก้วต่อด้วยยอดแก้วเก้าชั้น แล้วเป็นยอดปลี ประกอบฉัตรห้าชั้น
ชั้นล่างภายนอกสร้างบุษบกทั้งสี่ทิศแขวนระฆัง ส่วนฝาผนังทั้งสี่ทิศทั้งสองชั้น สร้างคูหาประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ
พระมหาสถูปเจดีย์นี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังราชได้ประทานนามว่า พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมีประกาศ และประดิษฐานเมื่อวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒
ครั้นเมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อันเป็นมหามงคลแด่พุทธศาสนิกชนชาวภูเก็ตและชาวจังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖
****
พ่อท่านนอกวัด
ท้าวนนทรี น่าจะเป็น นนทยักษ์ เป็นเสนายักษ์ กรุงลงกา
ตาขี้เหล็ก
*****
ภาพจากประเทศศรีลังกา
พระสถูปเจตะวนารามมายา
พระคุณเจ้า พระปิยะทัสสี นายกะ เถโร (๒๔๕๗ - ๒๕๔๑)
พระคุณเจ้า พระกุศลาธัมมา เถโร
******
|