ตายมดึงลากหอก
ตายมดึง
ตั้งแต่สมัยที่เกาะภูเก็ตยังไม่กลายเป็นเกาะ มีผืนแผ่นดินติดต่อกับจังหวัดพังงา มีชายวัยสูงอายุคนหนึ่งชื่อ ตายมดึง อาศัยตั้งหลักแหล่งทำมาหากินอยู่บนเกาะภูเก็ต ตรงที่ปัจจุบันนี้เรียกว่า บ้านกะรอน ในเขตตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ อาชีพของตายมดึงคือ ทำนา ทำไร่ เพาะปลูกพืชผักผลไม้ต่างๆ เนื่องจากเป็นถิ่นที่มีดินดี ฝนดีไม่ว่าปลูกอะไรก็เจริญงอกงาม สถานที่ตายมดึงแกปลูกไร่กล้วย ก็เรียกกันว่า เขากล้วย อยู่ในท้องที่ตำบลเทพกษัตรีย์ อำเภอถลาง ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีกล้วยอยู่มาก ขึ้นอยู่บนภูเขาอันเป็นป่าสงวน ก็เชื่อกันว่าเป็นผลมาตั้งแต่ครั้งตายมดึงแกปลูกไว้ สถานที่ตายมดึงลากทางใบกล้วยนำมากรีดก้านเอาใบตอง จึงเรียกว่า บ้านลาก สถานที่ตากใบตองกล้วยก็เรียกว่า บ้านป่าตอง อยู่ในเขตตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ สถานที่ที่ตายมดึงใช้เป็นส้วมถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ เรียกว่า เขาขี้ อยู่ในตำบลเทพกษัตรีย์ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ตปัจจุบันนี้
อยู่มาวันหนึ่ง มีช้างของ ตางุ้ม ตัวหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของเมืองพังงาหลุดหนีออกมาหากินถึงเมืองภูเก็ต พบไร่กล้วยใหญ่ใบงามที่ตายมดึงปลูกไว้เห็นเป็นอาหารอันโอชะ ช้างจึงกินเสียเกือบหมด พอตายมดึงมาดูแลไร่ รู้ว่ามีช้างมาลักกิน จึงเกิดความโกรธเป็นกำลัง ฉวยหอกได้ก็ออกเดินทางสะกดรอยไล่ติดตามช้างตัวนั้นไปทันที
เมื่อเดินทางไล่ตามช้างไปเหนื่อยก็หยุดเอาหอกปัก แล้วนั่งพักเหนื่อย ที่ตรงนั้นจึงเรียกว่า เขาบ่อ อันเกิดจากรอยปักหอก อยู่ในเขตตำบลบางเตย อำเภอเมืองพังงา พอหายเหนื่อยก็ออกติดตามช้างมาอย่างกระชั้นชิด ตายมดึงเดินแบกหอกไปบ้าง เดินถือลากไปบ้าง ตรงที่แกเดินลากหอกผ่านไป จึงได้เรียกว่า บางลากหอก เนื่องจากหอกมีขนาดใหญ่มีความคมมาก พอลากผ่านภูเขาๆก็ขาดออกจากกัน จึงเรียกว่า เขาขาด (ช่องเขาขาด) ลากครูดไปกับดินก็กลายเป็น คลองตาดึง
ครั้นพอตามช้างทัน ก็เอาหอกพุ่งช้างถูกตรงท้องหรือพุงช้างพอดี ช้างก็ล้มตายทันที ในท่าหมอบหันหัวไปทางทิศใต้ กลายเป็น เขาช้างเป็นฉากหลังของตัวเมืองพังงาในปัจจุบัน ตรงพุงช้างก็ถูกแทงแผลเหวอะหวะเลือดไหลโกรก ก็กลายเป็น ถ้ำพุงช้าง มีกระแสน้ำไหลออกมาจากใต้ภูเขาใสเย็นตลอดชั่วนาตาปี แหย่งหรือวงที่ผูกอยู่บนหลังช้าง ก็เลื่อนหล่นไปทางท้ายช้าง กลายเป็นเขาลูกหนึ่งเรียก เขาวง
ตายมดึงตัดเอางาทั้งคู่นำไปตั้งพิงไว้ จึงกลายเป็นภูเขาด้วย เรียกว่า เขาพิงงา ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน ส่วนหอกตายมดึง นำไปล้างที่ สระบัว ซึ่งยังมีอยู่จนเดี๋ยวนี้
ส่วนตางุ้มเจ้าของช้าง เมื่อช้างหลุดหนีไป ก็คดข้าวใส่ห่อ ผูกชายผ้าขาวม้าเตรียมเป็นเสบียงกรัง สะพายหลังออกติดตาม แต่ทว่าไม่ทันเหตุการณ์ ช้างถูกตายมดึงแทงตายเสียแล้ว มาพบช้างตัวโปรดซึ่งมีอยู่ตัวเดียวตาย ทำให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจเป็นล้นพ้น เห็นเลือดช้างยังไหลไม่หยุด ไม่กล้ามองเลือดและรอยแผลที่ถูกแทง ได้แต่นั้งก้มหน้างุ้มหันไปทางทิศเหนือ ซบหน้าร้องไห้จนขาดใจตาย กลายเป็น เขางุ้ม บนแผ่นหลังที่ตางุ้มสะพายข้าวห่อมาด้วยกันสองห่อ ก็ยังเห็นเป็นปุ่มอยู่คู่หนึ่งชัดเจน เขางุ้มอยู่หน้าเมืองพังงา ไม่ห่างจากถ้ำพุงช้างและศาลากลางจังหวัดพังงาเท่าใดนัก
***
คัดลอกจาก
๑. ประทุม ชุ่มเพ็งพันธุ์ (๒๕๑๗) โบราณวัตถุสถานในภาคใต้ตอนเหนือ รวม ๗ จังหวัด หน้า ๑๒๒-๑๒๔ กรมศิลปากร
ตายมดึง อ่านว่า "ตา - ยม - ดึง อีกชื่อหนึ่งที่เล่ากันมาคือ ตายมดึงลากหอก
๒.
|